ทาลิปสติก สีแดง อย่างไร ให้สวยมั่นใจ !!!




ลิปสติกสีแดงเป็นลิปสติกสีที่เหมาะ และคู่ควรกับความเป็น ผู้หญิง เราได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ แถมลิปสติกสีแดงยังเป็นลิปสติกสีที่ไม่เคยตกเทรนด์แฟชั่นอีกด้วย อีกทั้งลิปสติกสีแดง บ่งบอกถึงพลังความเป็น ผู้หญิง ด้วยสีแดงที่แรงบาดใจนั่นเองค่ะ รวมถึงลิปสติกสีแดงยังเป็นลิปสติกสีที่ช่วยสะท้อนพลังความมั่นใจที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในตัว ผู้หญิง เราออกมาได้เป็นอย่างดีทีเดียว แต่จะมีวิธีการเลือกแต่งแต้มลิปสติกสีแดงอย่างไร ให้ ผู้หญิง เรา รู้สึกเฉิดฉายมั่นใจนั้นต้องอ่านเคล็ดไม่ลับที่เรานำมาบอกต่อกันดูค่ะ....
เพื่อแก้ปัญหาความไม่มั่นใจของคุณ ผู้หญิง ทั้งหลายในการเลือกทาลิปสติกสีแดงแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า เราควรเลือกใช้ลิปสติกสีแดงโดยเลือกจากเคล็ดไม่ลับดังต่อไปนี้ค่ะ
1. ควรเลือกให้เหมาะกับโทนสีผิว
สำหรับคุณ ผู้หญิง ที่มีผิวยิ่งขาวก็ควรการเลือกลิปติกสีแดงแบบที่มีโทนสีส้มเจืออยู่มาก ๆ 
ส่วนคุณ ผู้หญิง ที่มีผิวเข้ม ยิ่งเข้มเท่าไหร่ก็ควรเลือกลิปสติกสีแดงที่มีโทนสีชมพูปนอยู่มากยิ่งขึ้นเท่านั้นค่ะ
2. ไม่ควรแต่งหน้าจัดเมื่อใช้ลิปสติกสีแดง
เพราะลิปสติกสีแดงนั้นมีความโดดเด่นและความจัดจ้านอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้น คุณ ผู้หญิง ที่คิดจะใช้ลิปสติกสีแดงเข้มแต่งเติมสีสันบนริมฝีปากสวย ๆ ของคุณแล้วก็ไม่ควรจะแต่งหน้าเข้มแข่งกับสีลิปสติกแดงที่เลือกใช้แล้วนะคะ ควรลดระดับความเข้มของเครื่องสำอางค์บนในหน้าเพื่อไม้ให้ใบหน้าเราที่แต่งออกมานั้นดูแรงเข้มจนเกินไปซึ่งยิ่งทำให้ใบหน้าที่แต่งออกมานั้นดูแข็งและแรงจนเกินไปด้วยค่ะ
3. เลือกทาลิปสติกสีแดงโทนสีที่ทาได้อย่างสบายใจและมั่นใจเข้ากับตัวคุณเอง
ลองเลือกดูว่าสีแดงโทนไหนที่เราสามารถเลือกทาได้บ่อยครั้งเข้ากับโทนการแต่งหน้าที่เรามักแต่งแต้มบ่อยๆ หรืออาจเลือกใช้สิปสติกสีแดงแบบด้านเพื่อช่วยลดความมันวาว หรือลองหาลิปสติกโทนสีอื่นที่มีอยู่แล้ว มาแต้มเพื่อลดความเข้มข้นก็ได้ค่ะ
ลองนำเคล็ดไม่ลับเหล่านี้ที่ WHITE แนะนำกันไปลองเลือกทา ลิปสติก สีแดง กันดูนะคะ
คุณ ผู้หญิง หลายคน ๆ จะได้เลือกแต่งแต้มสีสันของ ลิปสติกสีแดง กันได้อย่างมั่นใจกันสักที
^^ ♥♥--/\--^^"

เรามาใช้ รองพื้น ซ่อนความบกพร่อง ^^ กันเถอะ





เป็น ผู้หญิง ทั้งทีก็ต้องดูแลเรื่องความสวยความกันหน่อยค่ะ อย่างเรื่องการแต่งหน้าก็นับเป็นเรื่องสำคัญสำหรับ ผู้หญิ อย่างเรามากทีเดียวค่ะไม่ว่าจะเลือกใช้เครื่องสำอางค์ยี่ห้อใด
แถมจะใช้เครื่องสำอางค์อย่างไรบ้างนั้น ก็เป็นเรื่องที่ ผู้หญิง อย่างเรา ๆ ก็ต้องรู้ถึงเทคนิคเรื่องพวกนี้เป็นอย่างดีค่ะ WHITE จึงขอนำเอา เคล็ดลับน่ารู้เกี่ยวกับการใช้รองพื้นมาบอกต่อกัน
เนื่องจาก รองพื้น เป็นเครื่องมือที่มีบทบาทสำคัญสำหรับความสวยงามของ ผู้หญิ เรามากทีเดียวค่ะ เพราะถ้า ผู้หญิง อย่างเรารู้วิธีการใช้รองพื้นที่ดีนั้น ก็เท่ากับว่ารู้ถึงวิธีการช่วยแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องบนใบหน้าของ ผู้หญิง เรานั่นเอง ดังนั้นเรื่องของความสวยงามอย่างเรื่องการแต่งหน้านั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้ศิลปะในการเนรมิตความความบนใบหน้าอย่างมากทีเดียวเพื่อซ่อนความบกพร่องบนใบหน้าของ ผู้หญิง เราอย่างเแนบเนียน
มีชั้นเชิงและติดทนนานนั้นลองทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ดูค่ะ

1. การเลือกใช้รองพื้นเพื่อกลบความันบนใบหน้า

สำหรับคุณ ผู้หญิง ที่มีผิวหน้ามันง่ายบริเวณทีโซน แนะนำให้เลือกใช้ครีมรองพื้นแบบเนื้อด้าน
รองพื้นโดยเกลี่ยให้เนียนเรียบทั่วทัั้งใบหน้า จากนั้นให้คุณ ผู้หญิง ใช้แป้งฝุ่นแบบโปร่งแสงตบเบาให้ทั่วทั้งใบหน้า

2. การใช้รองพื้นแต่งหน้าตอนกลางวัน

ควรเลือกครีมลองพื้นแบบบางเบาหรือเลือกใช้แบบที่เป็นมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เจือสีให้เข้ากับสีของผิวหน้า และที่สำคัญควรเลือกรองพื้นแบบที่สามารถกันแดดได้ด้วยค่ะ เพื่อช่วยป้องกันแสงแดดที่อาจทำร้ายผิวหน้าของ ผู้หญิ เราได้

3.การใช้รองพื้นซ่อนรอยคล้ำใต้ตา

แนะนำให้ทาคอลซีลเลอร์ที่ใต้ตาหลังจากที่เราทาครีมรองพื้นเรียบร้อยแล้วคะ โดยให้ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยให้เข้ากันกับครีมรองพื้น จากนั้นทาทับด้วยแป้งฝุ่นหรือสำหรับคุณ ผู้หญิง คนไหนที่ต้องการปกปิกรอยสิวแดงๆบนใบหน้า ก็ให้ใช้คอลซีลเลอร์สีเขียวเพื่อช่วยปิดรอยสิวได้ค่ะ
^^ ♥♥--/\--^^"

เล็บเงางาม ด้วยบัฟเฟอร์


เล็บถือเป็น ส่วนหนึ่งของร่างกายที่คุณผู้หญิงควรใส่ใจดูแลค่ะ สมัยนี้คุณผู้หญิงจำนวนมากหันมาไว้เล็บ ทำเล็บ ทาสีและเพ้นท์ตามแฟชั่นกันมากมาย ดังนั้นนอกจากจะรู้จักใช้เล็บเป็นองค์ประกอบในการเพิ่มสีสันการแต่งตัวให้ดูดีแล้ว เมื่อถึงเวลาดูแลก็ควรดูแลเอาใจใส่คุณผู้หญิงก็ควรดูแลรักษาอย่างดีด้วยนะคะ ในวันว่างๆ ที่ไม่ได้เข้าร้านทำเล็บลองหัดมาปรนนิบัติดูแล เล็บของคุณเองดูซะบ้างค่ะ ซึ่งอุปกรณ์ชัดเล็บที่คุณผู้หญิงที่รักเล็บทั้งหลายควรมีติดไว้นั่นก็คือ บัฟเฟอร์ หรือ (Nail Buffer) นั่นเอง
เล็บเงางาม ด้วยบัฟเฟอร์
การใช้บัฟเฟอร์นั้นเปรียบเหมือนการขัดลอกเซลล์ผิวของเล็บที่ตายแล้วให้หลุดออกไปค่ะ อีกทั้งยังช่วยการกระตุ้น การไลเวียนโลหิตของเล็บได้เป็นอย่างดีทีเดียว แล้วขณะที่เราบัฟเฟอร์ขัดเล็บนั้นความร้อนที่เสียดสีจะช่วยทำให้ริ้วรอยบนเล็บหลุดออกไปด้วยค่ะทำให้พื้นผิวบนเล็บของคุณผู้หญิงแลดูเรียบขึ้น

เทคนิคในการใช้บัฟเฟอร์ขัดเล็บ

ปกติแล้วบัฟเฟอร์จะมีสองด้านค่ะ จะมีด้านที่หยาบและด้่านที่สำหรับขัดเงา ด้านที่หยาบเราใช้ขัดก่อนครั้งแรก จากนั้นค่อยตามด้วยด้านที่ขัดเงา การขัดเล็บสามารถขัดได้บ่อยๆ ทุก 2-3 วัน เพื่อให้เล็บของคุณผู้หญิงดูเงางามอยู่เสมอค่ะ ส่วนด้ายที่เป็นผิวหยาบของบัฟเฟอร์ไม่ควรใช้บ่อยไปนะคะ ไม่เช่นนั้นผิวเล็บของเราจะดูบางลงได้ค่ะ
ไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับคุณผู้หญิงที่รักเล็บ ที่จะหันมาดูแลรักษาเล็บด้วยการขัดเล็บให้เงางามมากขึ้น แล้วอย่าลืมไปลองทำดูกันนะ

เทคนิค ทาเล็บของคุณผู้หญิงมือใหม่


การเพิ่มสีสันในการแต่งแต้มสีสันให้กับเล็บมือ นั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกแต่อย่างใด วีซ่าเลยขอนำเทคนิคการทาเล็บ สำหรับคุณผู้หญิง นักทาเล็บมือใหม่ที่อยากทาเล็บเองมาฝากกัน
สำหรับคุณผู้หญิงคนไหนที่เพิ่งเริ่มทาเล็บเองลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้กันดูค่ะ
เทคนิคทาเล็บ ของคุณผูหญิงมือใหม่
เลือกสีเล็บที่อินเทรนด์ตามแฟชั่นในตอนนี้
จะเลือกทาสีเล็บสีอะไรนั้น หากno idea คิดไม่ออก ให้ลองแวะเวียนไปแถวๆ ร้านทำเล็บดูค่ะ คุณจะได้เห็นเฉดสี หรือคู่สีไหนที่ทาด้วยกันแล้วเวิร์ค
พร้อมกับไอเดียในการทาเล็บของเหล่า Professional มากมายโดยดูไอเดียเหล่านั้นแล้วจำเอากลับมาทำเองได้ที่บ้านง่ายๆ

เลือกใช้โทนสีสดใสสำหรับเล็บสั้น
หากคุณผู้หญิงเล็บสั้น ไม่ยาวมากนัก ควรเน้นทางสีสันที่สว่าง สดใส ก็ควรตัดเล็บให้สั้น เพราะแค่สีสันของเล็บก็ดูโดดเด่น พอแล้วค่ะ
เลือกทาเล็บสีอ่อน สำหรับมือใหม่หัดทา
สำหรับคุณผู้หญิงที่ยังทาเล็บไม่คล่อง แบบว่ามือยังไม่นิ่ง ลองเลือกโทนสีอ่อน ในการเริ่มต้นหัดทาเล็บดูค่ะ เพราะสีอ่อนเมื่อทาแล้วไม่เนียนเรียบหรือมีข้อบกพร่องใดๆ ก็ไม่สังเกตุเห็นได้ง่ายเท่าโทนสีเข้มๆ ค่ะ
ตัดแต่งทรงของเล็บให้ได้รูปทรงสวยงาม
จะทาเล็บให้สวยงามไม่จำเป็นต้องมีเล็บที่ได้ระดับยาวกำลังดีไป ควรตัดแต่งรูปทรงเล็บให้สวยงามได้รูปและหมั่นดูแล บำรุงและรักษาให้สุขภาพเล็บแข็งแรงอยู่เสมอ
หมั่นดูแลสุขภาพเล็บเป็นประจำสม่ำเสมอ

คุณผู้หญิงคนไหนที่มีสุขภาพเล็บอ่อนแอ หรือเล็บเปราะอยู่บ่อยๆ ควรหาวิตามินทานเสริมควบคู้ไปด้วย และควรทาท็อปโค้ทที่มีส่วนประกอบโปรตีน เพื่อเคลือบเล็บไว้เพิ่มเติม ให้เล็บแข็งแรงยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
สำหรับคุณผู้หญิงคนไหนที่รู้ตัวว่ายังเป็นมือใหม่สมัครเล่น สำหรับการแต่งแต้มสีสันลงบนเล็บมือแล้วละก็ ลองนำเทคนิคง่ายๆ ที่วีซ่านำมาบอกกล่าวไปใช้กันดูค่ะ เพียงเท่านี้คุณผู้หญิงก็จะมีเล็บสวยงานแถมยังมีสุขภาพที่ดีด้วยค่ะ

วิธีทา Eye Shadow ให้สวยเด้งแบบมืออาชีพ


หนึ่งขั้นตอนของการแต่งหน้าที่คุณผู้หญิงหลายคนคิดว่าเป็นเรื่องยากนั่นก็คือ การทา Eye Shadow ลงบนเปลือกตาเพื่อแต่งแต้มสีสันเปลือกตาให้สวย ซึ่งจะมีวิธีเลือกทา Eye Shadow อย่างไรดีละ เนื่องมี Eye Shadow หลายแบบซะเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นทั้งแบบเป็นฝุ่นธรรมดา แบบชิมเมอร์ แบบกลิทเตอร์ มีประกายวิ้งๆ หรือไฮไลท์ ให้เลือกตั้งมากมาย แต่จะแต่งแต้ม Eye Shadow อย่างไรให้สวยนั้นต้องติดตามวิธีทา Eye Shadow ให้สวยเด้งแบบมืออาชีพที่วีซ่านำมาฝากกันคุณผู้หญิงกันค่ะ
วิธีทา Eye Shadow ให้สวยเด้งแบบมืออาชีพ
1. เตรียมผิวบริเวณเปลือกตาก่อนทา Eye Shadow
คุณผู้หญิงควรเตรียมผิวบริเวณเปลือกตาซะก่อนให้ดีก่อนจะทา Eye Shadow โดยการทารองพื้นเบส หรือใช้คอนซีลเลอร์บางทางบางๆ จากนั้นจึงตามด้วยแป้งฝุ่นปกปิดทับ
2. เมื่อลง Eye Shadow ที่เปลือกตาต้องเกลี่ยให้เนียนเรียบ
การลง Eye Shadow ที่เปลือกตาคุณผู้หญิงควรเกลี่ยให้กลมกลืนเสมอ เพื่อความเป็นธรรมชาติ อย่าให้กระจุกกันแค่จุดใดจุดหนึ่ง
3.  เคาะ Eye Shadow ออกจากแปรงทุกเล็กน้อยทุกครั้งก่อนทาลงเปลือกตา
ควรเริ่มแต้มสี  Eye Shadowโดยค่อยๆ แต้มจากนั้นค่อยเพิ่มระดับความเข้มขึ้นจนได้โทนสีความเข้มที่คุณผู้หญิงต้องการ
4. การทาสี Eye Shadow คุณผู้หญิงควรเลือกสีที่อ่อนที่สุดก่อน
ให้เลือกสีที่อ่อนที่สุดก่อนสำหรับใช้ทาเป็นสีพื้นสำหรับทาให้ทั่วเปลือกตา ใช้สีกลางทาบริเวณส่วนที่เป็นหัวตา และใช้สีที่เข้มสุดทาบริเวณหางตาและเส้นขอบตาส่วนการทา Eye Shadow นั้น คุณผู้หญิงไม่ควรทาเกินหัวตาหรือหางตามากจนเกินไป เพราะจะทำให้ดวงตาของคุณผู้หญิงดูเข้มจนหนักมากเกินไป
5. วิธีทำให้สี Eye Shadow ที่ติดทนนาน
อยากได้สี Eye Shadow ที่ติดทนนานควรลง Eye Shadow แบบที่เป็นเนื้อครีมก่อนที่เปลือกตาของคุณผู้หญิง จากนั้นค่อยทา Eye Shadow แบบฝุ่นทับอีกที เพื่อสี Eye Shadow ที่ติดทนนานมากขึ้น
6. กรณีที่คุณผู้หญิงอยากให้ดวงตาดูสวยสดใสมากขึ้น
ควรเลือกใช้สี Eye Shadow สีอ่อนๆ ทาที่บริเวณหัวตาให้มีลักษณะของรูปตัววี ค่ะ เพื่อเน้นดวงตาให้ดูสว่างสดใสมากยิ่งขึ้น
7. เมื่อทา Eye Shadow เข้มจนเกินไป
เมื่อคุณผู้หญิงรู้สึกว่า Eye Shadow ที่ทานั้นดูเข้มหรือจัดมากเกินไป อย่าลบออกทั้งหมด ให้ใช้ cottonbrush ค่อยๆ แตะเพื่อเช็ดออกอย่างเบามือ จากนั้นกลบหรืออำพรางความเข้มของสี Eye Shadow ที่เช็ดไปแล้วด้วยใช้พัฟแป้งฝุ่นตบเบาๆ อีกที ก่อนจะลงสีใหม่ค่ะ
สิ่งที่คุณผู้หญิงไม่ควรลืมและสำคัญไม่แพ้ไปกว่ากัน นั่นก็คือการทำความสะอาดผิวรอบดวงตาให้สะอาดหมดจด โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือ Cleansing สำหรับทำความสะอาดผิวรอบดวงตาอย่างอ่อนโยน เพื่อคุณผู้หญิงจะได้มีผิวรอบดวงตาที่ดูดีไว้ให้แต่งแต้มสีสัน รับใบหน้าสวยๆ ไปนานๆ ยังไงค่ะ
สำหรับเรื่องสีสันบนใบหน้าของคุณผู้หญิงนั้้น วีซ่าว่าควรแต่งแต้มสีสันให้เป็นนิสัยอยู่เสมอ เพื่อช่วยเพิ่มความสวย สดใส มั่นใจในแต่ละวัน อย่าปล่อยให้ใบหน้าซีดจางเวลาออกไปนอกบ้าน หรือเวลาต้องออกไปพบเจอผู้คน เพราะจะทำให้คุณดูเป็นผู้หญิงที่ดูไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย ดังนั้นก่อนออกจากบ้าน คุณผู้หญิงควรใส่ใจตัวเองสักนิด ไม่อยากแต่งหน้สจัด ก็ให้ทาแป้งฝุ่นรองพื้นบางๆ เพื่อปกปิดจุดซ่อนเร้น เช่น ริ้วรอย หรือรอยสิวบนใบหน้า และปัดแก้มนิดๆ ให้ดูสดใสมีเลือดฝาด แล้วอย่าลืมเติมลิปกลอสมีสีสันซักนิดเพื่อทำให้ริมฝีปากดูความชุ่มชื่นชวนให้น่ามองค่ะ
ส่วนคุณผู้หญิงคนไหนที่แต่งหน้าเป็นประจำอยู่แล้ว อย่าลืมนำเทคนิควิธีทา Eye Shadow ให้สวยเด้งแบบมืออาชีพที่วีซ่าแนะนำไปใช้ดูนะคะ  แล้วการทา Eye Shadow ของคุณผู้หญิงจะสวยติดทนนานมากยิ่งขึ้นค่ะ

วิธีรับมืออาการแพ้เครื่องสำอางค์


คุณผู้หญิงบางคนที่มีอาการแพ้เครื่องอางค์ รู้ไหมคะว่า หากเกิดอาการแพ้เครื่องสำอางค์ควรมีวิธีการรับมืออย่างไรบ้าง สำหรับคุณผู้หญิงคนไหนที่มีผิวแพ้ง่ายหรือกำลังเจอปัญหานี้อยู่ วีซ่ามีวิธีรับมืออาการแพ้เครื่องสำอางค์มาฝากค่ะ
วิธีรับมืออาการแพ้เครื่องสำอางค์
1. ควรหยุดใช้เครื่องสำอางค์นั้นทันที
และควรทำความสะอาดบริเวณใบหน้าให้สะอาดหมดจด ปราศจากคราบเครื่องสำอางค์ กรณีที่คุณผู้หญิงบางคนอาจจะเกิดอาการแพ้ไม่รุนแรงมากนั้น ผื่นที่ขึ้นบริเวณผิวหน้า จะหายไปเองภายใน 7-10 วัน ค่ะ แต่ควรสังเกตดูให้ดีในบริเวณที่เกิดผื่นหรืออาการแพ้ว่ามีอาการแพ้ลุกลามมากขึ้นอีกหรือไม่ กรณีที่มีอาการแพ้เพิ่มมากขึ้นคือ บวม พอง แดง เป็นตุ่มบวมหรือเป็นตุ่มน้ำใสมีน้ำเหลืองซึมออกมาให้รีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด ไม่ควรทิ้งไว้นานเพราะอาจเกิดการอักเสบและติดเชื้อบริเวณผื่นที่แพ้ได้ค่ะ
2. พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้
เมื่อทราบสาเหตุว่าแพ้เครื่องสำอางชนิดใดหรือสารที่เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางนั้น ควรงดใช้หรือหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด หรือ ทางที่ดีคุณผู้หญิงควรงดการแต่งหน้าไปเลยชั่วคราวจนกว่าอาการแพ้บริเวณใบหน้าจะหายขาด
3 อย่าพยายามสัมผัสหรือเสียดสีผิวหนังบริเสณที่เกิดอาการแพ้
เพราะจะทำให้ผิวหนังบริเวณที่เกิดอาการแพ้นั้นลุกลามไปใหญ่โต อาจเกิดการอักเสบ บวมพอง ได้มากขึ้นจนกระทั่งเป็นตุ่มบวมหรือเป็นตุ่มน้ำใสมีน้ำเหลืองซึม ดังนั้นไม่ควรจับสัมผัสหรือเสียดสีผิวหนังบรืเวณที่แพ้เด็ดขาดค่ะ
4.ควรรีบรักษาอาการแพ้ใหห้ายให้เร็วที่สุด
เพราะยิ่งทิ้งไว้นานยิ่งจะไม่มี เรื่องความสวยงามบนใบหน้าเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้หญิงทุกๆ คนค่ะ ดังนั้น ให้หมั่นสังเกตอาการแพ้ว่าดีขึ้นบ้างไหม หรือ แพ้หนักกว่าเดิม กรณีที่เป็นผื่นแดง บวมหรือเป็นตุ่มน้ำใสจนมีน้ำเหลืองซึมออกมา ควรทำความสะอาดแผลและใส่ยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการอักเสบเป็นหนอง
การทำความสะอาดแผลนั้นให้ใช้น้ำเกลือที่ซื้อจากคลิินิกหรือร้านขายยาแบบบรรจุขวดใส่ package อย่างดีเพื่อนำมาใช้ในการทำความสะอาดแผล นอกจากนี้ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อให้ตรวจดูว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นจากการแพ้ เครื่องสำอางหรือไม่ หรือเกิดจากสาเหตุอื่นเพื่อรักษาและหยุดปฏิกิริยาการแพ้ให้หายโดยเร็วที่สุดนั่นเองค่ะ
วีซ่าเป็นคนหนึ่งที่มีผิวที่แพ้ง่ายเป็นพิเศษ เลยเอาเคล็ดลับดีๆ ในการรับมืออาการแพ้เครื่องสำอางค์มาบอกต่อกันค่ะ

ริมฝีปากคล้ำแก้ไขได้


ริมฝีปากคล้ำแก้ไขได้
วิธีแก้ไขริมฝีปากที่คล้ำนั่้นทำได้ง่ายๆ ค่ะ เริ่มแรก ให้ใช้น้ำมะนาว และน้ำผึ้งอย่างละครึ่งช้อนชา จากนั้นนำมาผสมให้เข้ากันอย่างดี จากนั้นนำมาทาที่ริมฝีปากที่คล้ำของคุณผู้หญิง ทำแบบนี้บ่อยๆ ทุกวัน ริมฝีปากที่คล้ำนั้นจะสามารถค่อยๆ กลับมาเป็นสีริมฝีปากที่สวยเหมือนเดิมได้ค่ะ
หมั่นทาลิปบาล์มระหว่างวัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก โดยคุณอาจจะใช้ลิปบาล์มที่ผสมสีเล็กน้อย เพื่อเพิ่มสีสันของริมฝีปากได้  อย่าลืมทาลิปบาล์มก่อนนอนด้วยนะคะ ให้มาเป็นประจำสม่ำเสมอจนกลายเป็นนิสัยที่เคยชินไปเลยค่ะ ริมฝีปากของคุณผู้หญิงจะได้รับการดูแลและบำรุงทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญให้ใช้ลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของ SPF ป้องกันแสงแดดด้วยนะคะ เพราะแสงแดดนั้นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้ริมฝีปากของคุณผู้หญิงนั้นหมองคล้ำได้ด้วยเช่นกันค่ะ

รักษาริมฝีปากให้สวยยาวนานด้วย 7 วิธี


สำหรับผู้หญิงอย่างเราๆ นั้น การมีริมฝีปากที่ดูสวยและชุ่มชื้น นับเป็นเสน่ห์อันน่าหลงใหลอีกอย่างหนึ่ง ที่สามารถดึงดูดความสนใจคุณหนุ่มๆ ทั่วไป ดังนั้นหากคุณผู้หญิงคนไหนที่รู้ตัวว่าริมฝีปากของตนเองนั้นยังแห้งลอก ไม่ชุ่มชื่น หรือยังไม่สวยงามน่าดึงดูดพอ ลองปฏิบัติตามวิธีที่วีซ่านำมาแนะนำกันดูดังนี้ค่ะ วันนี้วีซ่ามีวิธีการถนอมริมฝีปากแบบง่ายทั้ง 7 วิธีมาฝากกันค่ะ
รักษาริมฝีปากให้สวยยาวนานด้วย 7 วิธี
1. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 4-6 แก้ว เพื่อป้องกันอาการร้อนในที่อาจเกิดได้ ซึ่งถ้าหากเกิดมีอาการร้อนในเกิดขึ้น จะทำให้ปากแห้ง ลอกหรือเป็นขุยได้ง่ายนั่นเองค่ะ
2. ไม่ควรใช้ลิ้นเลียริมฝีปากบ่อยๆ สำหรับหลายๆ คนที่เคยเข้าใจว่า เมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากแห้งนั้น ก็ใช้ลิ้นเลียริมฝีปากบ่อย ๆนั้น ขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนความคิดและเลิกทำไปได้เลย เพราะในน้ำลายจะมีเอนไซม์ที่ทำให้ริมฝีปากของคุณผู้หญิงแห้งกว่าเดิม แถมยังทำให้ริมฝีปากมีสีคล้ำขึ้นอีก
3. ก่อนนอนควรทาลิปกลอส หรือ ลิปมันเป็นประจำเพื่อเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้น และป้องกันริมฝีปากแตก หรือเป็นขุยได้ง่าย
4. เวลาที่ริมฝีปากของคุณเป็นแผล ไม่ควรที่จะแกะสะเก็ดแผลเด็ดขาดเพราะนอกจากจะทำให้อาการของแผลแย่ลงแล้ว ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อและทำให้ปากที่ลอกหายยากขึ้นอีกด้วย
5. เมื่อต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ให้ทาลิปสติกที่มีส่วนผสมป้องกันรังสียูวีติดกระเป๋าไปด้วยเพื่อทาให้ความชุ่มชื่นและป้องกันริมฝีปาก
6. ระวัง!… ยางผลไม้บางชนิด เพราะเมื่อมันสัมผัสกับริมฝีปากของคุณผู้หญิงแล้วจะทำให้ริมฝีปากมีสีคล้ำได้
7. หากมีปัญหาปากเป็นขุย หลังแปรงฟันเสร็จใหม่ ๆ ในขณะที่ริมฝีปากยังชุ่มชื้นด้วยน้ำอยู่ ให้ใช้แปรงสีฟันแปรงเบา ๆ ที่ริมฝีปากบนและล่าง เพื่อให้ขุยหรือสะเก็ดลอกออก จากนั้นจึงใช้ลิปมันทาบางๆ
สำหรับคุณผู้หญิงที่อยากมีริมฝีปากสวยไปอีกนาน ก็อย่าลืม ทำตามที่วีซ่าแนะนำดูนะคะ

มาทำความสะอาดแปรงแต่งหน้ากันเถอะ


คุณผู้หญิงหลายๆ คน ให้ความสำคัญกับเครื่องสำอางค์  ด้วยการพิถีพิถันมากในการเลือกซื้อเลือกใช้เนื่องจากกลัวจะเกิดการระคายเคืองแก่ผิวหน้า แต่รู้ไหมค่ะ ว่าบรรดาอุปกรณ์แต่งหน้า จำพวกแปรง พัพฟ์ แป้ง หรือ พู่กันต่างๆ ก็มีความสำคัญพอๆ กันหากไม่รู้จักหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอๆ เมื่อนำมาใช้แล้วอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองบนผิวหน้าของคุณผู้หญิงได้เช่นกัน เนื่องจาก มีฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกสะสมอยู่ที่อุปกรณ์การแต่งหน้าเหล่านี้นั่นเอง  เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นบนผิวหน้าของคุณผู้หญิง คุณผู้หญิงควรหมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์การแต่งหน้าอย่างสม่ำเสมอด้วยค่ะ ซึ่งวีซ่ามีวิธีการทำความสะอาดแปรงหรืออุปกรณ์การแต่งหน้ามาฝากกันด้วยค่ะ
มาทำความสะอาดแปรงแต่งหน้ากันเถอะ
1. นำแปรงแต่งหน้าจุ่มลงในน้ำสะอาดโดยแช่น้ำไว้สักพักและ คนแบบวนไปวนมา เพื่อให้เครื่องสำอางหลุดออกจากแปรงทั้งหมด
2. ผสมน้ำสบู่อ่อน ๆ ในอ่างใบเล็กๆ แล้วนำแปรงปัดหน้า พู่กัน หรืออุปกรณ์ที่คุณผู้หญิงต้องการทำความสะอาดนั้น จุ่มลงไปแล้วคนวน
ไปวนมา เพื่อให้เครื่องสำอางหลุดออกจากแปรงทั้งหมดอีกครั้ง หรืออาจใช้นิ้วมือบีบช่วยทำความสะอาดด้วยเพื่อให้สะอาดยิ่งขึ้น
3. นำแปรงมาจุ่มล้างในน้ำสะอาดอีก 2 ครั้ง และล้างจนกระทั่งหมดฟองสบู่
4. ใข้นิ้วมือบีบที่ขนแปรงเบา ๆ เพื่อบีบไล่น้ำออก
5. นำไปตากไว้ในที่อากาศถ่ายเท และ โดยหาที่แขวนให้ขนแปรงคว่ำลง เพราะถ้าหงายแปรงขึ้น อาจทำให้น้ำไหลเข้าไปชื้นในด้ามแปรง                  และทำให้แปรงแต่งหน้าเสียรูปทรง และพังได้ง่ายๆ หรือหากไม่มีที่แขวนให้ใช้กระทิชชู หรือผ้าขนหนูวางรองและซับน้ำออกให้หมด                    จากนั้นพึ่งลมไว้ให้แห้งก่อนนำไปใช้งานค่ะ
เมื่อรู้วิธีทำความสะอาดแปรงหรืออุปกรณ์การแต่งหน้าแล้ว คุณผู้หญิงควรหมั่นทำความสะอาดประมาณ  2 สัปดาห์ครั้งเพื่อความสะอาดของอุปกรณ์แต่งหน้า ด้วยนะคะ

บำรุงเท้า ไม่ให้หยาบและแห้งกร้าน


ถึงแม้ว่าคุณผู้หญิงจะไม่ได้ใช้เท้าไว้อวดใคร แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้เท้านั้นแห้งกร้าน ควรมีการบำรุงด้วยเพื่อความสวยงาม ดูดี แต่ถ้าเผื่อมีสถาการณ์จำเป็นต้อง โชว์เท้าที่ไหน จะได้ไม่น่าอายยังไงละคะ
บำรุงเท้า ไม่ให้หยาบและแห้งกร้าน
สิ่งที่ควรทำคืออย่าปล่อยให้เท้าแห้งกร้าน และวิธีดูแลถนอมเท้าไม่ให้แห้งกร้านซึ่งอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการดูแลเท้าด้วยสูตรธรรมชาติมีดังนี้
- น้ำมันเปปเปอร์มินต์สองสามหยด (หรือใบสะระแหน่สดหนึ่งหยิบมือ)
- น้ำตาลทรายแดง (หรือน้ำตาลทรายขาว 4 ช้อนโต๊ะ)
- น้ำมันสวีตอัลมอนด์ (หรือน้ำมันมะกอก 4 ช้อนโต๊ะ๗
จากนั้นให้ผสมน้ำตาลทรายแดงกับน้ำมันสวีตอัลมอนด์ แล้วเติมน้ำมันเปปเปอร์มินต์ลงไปสองสามหยด แต่ถ้าหากน้ำมันเปปเปอร์มินต์ไม่ได้ สามารถใช้ใบสะระแหน่หยิบมือหนึ่ง บดมันเบาๆ ด้วยหลังช้อน ซึ่งจะทำให้มีน้ำมันออกมา แต่อย่าสับหรือหั่นด้วยมีด แล้วผสมลงไปแทนน้ำมันเปปเปอร์มินต์ ใช้ส่วนผสมขยี้ขัดเบาๆ ที่เท้าของคุณผู้หญิง โดยเฉพาะบริเวณหยาบกร้านที่ส้นเท้าค่ะ
แนะนำให้ทำวิธีนี้ เนื่องจาก น้ำตาลจะช่วยขัดลอกเซลล์ผิว ขณะที่น้ำมันสวีตอัลมอนด์หรือน้ำมันมะกอกจะให้ความชุ่มชื้นและน้ำมันเปปเปอร์มินต์หรือใบสะระแหน่ จะช่วยระงับกลิ่น และให้ความสดชื่นแก่เท้าคุณผู้หญิงอีกด้วยค่ะ
ด้วยสูตรการดูแลเท้าแบบธรรมชาติที่นำมาแนะนำนี้นั้น จะช่วยทำให้เท้าของคุณผู้หญิงที่ดูแห้ง หยาบกร้าน กลับกลายเป็นเท้าที่นุ่ม น่าสัมผัสไม่แห้งหยาบกรานอีกต่อไปค่ะ

6 วิธีไกลจากสิว


ปัญหาเรื่องสิว นับเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ใครคงไม่มีคุณผู้หญิงคนไหนที่อยากจะมีสิวบนใบหน้ากันอย่างแน่นอน วีซ่าเลยขอนำเสนอ 6 วิธีเลี่ยงสิวแบบที่คุณเองกสามารถทำได้เองง่ายๆ
สิวเกิดจากปัจจัยหลายสาเหตุ เช่นจากทางฮอร์โมน, รูขุมขนอุดตัน หรือการติดเชื้อ ซึ่งแต่ละสาเหตุก็ต้องใช้วิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน ไปค่ะ
6 วิธีไกลจากสิว
วิธีป้องกันการเกิดสิว ที่เรานำมาแนะนำคุณผู้หญิงมีดังนี้ค่ะ 
1. แก้ปัญหาด้วยการสครับ เนื่องจากการสครับผิวหน้าเป็นประจำจะช่วยให้สภาพผิวดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ต้องดูด้วยว่าผิวของคุณผู้หญิงเป็นแบบไหน หากเป็นผิวบอบบางแพ้ง่ายและเป็นสิวง่ายก็ควรจะใช้สครับที่อ่อนโยนต่อผิวและสครับเบาๆ ไม่เกินสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ซึ่งอันที่จริงไม่ว่าจะสภาพผิวแบบใดก็ไม่ควรจะเริ่มต้นสครับผิวหน้าแรงๆ และต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำร้ายผิว เพื่อป้องกันการระคายเคือง เพราะเป้าหมายของการสครับผิวคือการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอยู่ส่วนบนสุดของผิวและขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนเท่านั้นค่ะ
2. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของเรตินอยด์ หรือสารกลุ่มกรดวิตามินเอ ซึ่งจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ทำความสะอาดรูขุมขน ทำให้ผิวคุณผู้หญิงแข็งแรงสุขภาพดีแถมยังช่วยให้คุณผู้หญิงลดริ้วรอยแห่งวัย โดยใช้เป็นประจำทุกวัน แต่มีข้อควรระวังคือผลิตภัณฑ์ชนิดนี้จะมีความเข้มข้นและรุนแรงต่อผิว จึงควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือเภสัชกรก่อนใช้ ด้วยนะคะ
3.สำหรับคุณผู้หญิงที่ผิวแห้งไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับล้างหน้าในตอนเช้าก็ได้ค่ะ  อาจใช้เพียงน้ำสะอาดก็เพียงพอ ในตอนเย็นหลังจากกลับถึงบ้านควรเช็ดเครื่องสำอางค์ออกให้สะอาดหมดจด ไม่ควรล้างหน้าบ่อยๆ เมื่อรู้สึกว่าหน้ามัน เพราะการที่คุณผู้หญิงล้างหน้าบ่อยจนเกินไป จะทำให้ผิวหนังแห้งตึง และก่อให้เกิดสิวได้
4. ข้อสำคัญอย่าลืมทาครีมกันแดดเมื่อออกนอกบ้าน เพราะแสงอาทิตย์จะทำให้ผิวคุณผู้หญิงแห้ง และร่างกายก็จะชดเชยโดยการผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ทำให้ผิวมัน ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว
5. สิวบางชนิดอาจเกิดจากฮอร์โมนที่ผิดปกติ จึงรักษาได้ด้วยการทานยาคุมกำเนิด แต่ต้องปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนทุกครั้ง เพราะหากวิธีรักษาไม่ตรงกับสาเหตุของโรค นอกจากจะไม่หายจากการเป็นสิวแล้วยังไม่ดีต่อสุขภาพของคุณผู้หญิงในระยะยาวอีกด้วย
6. สำหรับคุณผู้หญิง ที่แต่งหน้าเป็นประจำ แล้วต้องออกไปเผชิญกับมลภาวะและฝุ่นควันในอากาศ เวลากลับถึงบ้านให้ใช้ฟองน้ำสำหรับล้างหน้า ขณะล้างหน้าไปด้วย เพราะจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกต่างๆ ทำให้ผิวหน้าสะอาด ของคุณผู้หญิงสะอาดมากขึ้นด้วยค่ะ
นอกจาก 6 วิธีดังกล่าวที่วีซ่านำมาแนะนำแล้ว สิ่งที่คุณผู้หญิงลืมไม่ได้เลยก็คือ ควรหมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และทานน้ำมากๆ พยายามรักษาความสะอาดใบหน้าอยู่เสมอ เพราะแบคทีเรียนั้นมีอยู่ทุกที่ ที่เราไปและยังสามารถทำให้ผิวหนังบริเวณผิวหน้าของเรานั้นอักเสบเกิดสิวได้ทุกเมื่อ เมื่อมีสิ่งสกปรกมาเกาะตามผิวหน้าค่ะ

5 เมคอัพที่คุณผู้หญิงไม่ควรแต่ง


อย่างที่ทราบกันดีว่า การแต่งหน้ากับผู้หญิงเป็นของคู่กัน เพราะสีสันของเครื่องสำอางค์สามารถเพิ่มเสน่ห์ให้กับผู้หญิงได้ขึ้นมากทีเดียวค่ะ แต่ถึงอย่างไรการแต่งหน้าก็มีข้อห้ามที่ไม่ควรทำด้วยนะคะ โดยจากคำแนะนำของบรรดาเมคอัพอาร์ติสแล้วนั้น คุณผู้หญิงไม่ควรแต่งเติมสีสันบนใบหน้าด้วยเมคอัพต้องห้ามทั้ง 5 ข้อ นี้ค่ะ
5 เมคอัพที่คุณผู้หญิงไม่ควรแต่ง
ข้อที่ 1 หลีกเลี่ยงการทาครีมลองพื้นที่ให้สีขาวเกินกว่าสีผิวจริง เพราะจะทำให้การแต่งหน้าดูหลอกลอย ทางที่ดีควรเลือกครีมรองพื้นที่เหมาะสมกับสีผิว โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่มีปัญหาจุดด่างดำบนใบหน้า เพื่อปกปิดร่องรอยอย่างแนบเนียน 


ข้อที่ 2 ไม่ควรใช้ดินสอเขียนขอบตาล่าง โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่มีสภาพผิวหน้ามัน ขอบตาที่เขียนเอาไว้อาจไหลเยิ้ม เมื่อผสมกับเหงื่อและความมัน ใบหน้าสวย ๆ ก็จะแลดูเหมือนหมีแพนด้า จึงแนะนำให้เขียนเฉพาะขอบตาบน พยายามวาดเส้นที่หัวตาให้เรียวเล็ก ส่วนช่วงปลายหางตาให้เพิ่มความหนาขึ้นค่ะ 


ข้อที่ 3 อย่าปัดมาสคาร่าหนาจนขนตาลู่ลง ทำให้ขนตาไม่เรียงตัวโค้งงอน เพราะหนักและเหนียวไปด้วยมาสคาร่า ดังนั้น ควรเลือกปัดมาสคาร่าที่เนื้อเบา และควรสักสองครั้งต่อวัน 


ข้อที่ 4 ไม่ควรปัดแก้มเป็นวงกลม กลายเป็นตัวตลก แถมยังทำให้ดูแก่เกินวัยอีกด้วย นอกจากนั้นยังแลดูไม่เป็นธรรมชาติ วิธีที่ถูกต้อง คือ คุณผู้หญิงควรปัดบลัชออนโหนกแก้ม เกลี่ยสีให้เนียนสวยกลมกลืนกับใบหน้า 


ข้อที่ 5 ห้ามทาลิปสติกแต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่เมคอัพอะไรเลย เพราะการทำเช่นนั้น นอกจากจะไม่สวยชวนมอง ยังเป็นการเพิ่มอายุให้ดูแก่ขึ้นไปอีกเป็นกอง กรณีที่คุณผู้หญิงอยากให้ใบหน้าดูมีสีมัน อยากทาลิปสติก ให้ทาแป้งด้วยบางๆ แล้ว ลงลิปกลอสสีอ่อนดูจะช่วยให้เป็นธรรมชาติยิ่งกว่าการทาลิปสติกเพียงอย่างเดียวค่ะ

รองพื้นยังไงให้เนียนสวย


มาดูวิธีลงรองพื้นเพื่อให้ใบหน้าเนียนสวยที่วีซ่า นำมาฝากกันค่ะ กับทริคเพียง 6 ข้อง่ายๆ ที่นำมาฝากคุณผู้หญิงแฟนๆ เลดี้วีซ่า
รองพื้นยังไงให้เนียนสวย
1. ทามอยส์เจอไรเซอร์ให้ทั่วใบหน้า และทิ้งไว้สักพัก รอจนแห้งประมาณ 5 นาที เพื่อรอให้ตัวให้มอยส์เจอไรเซอร์ที่คุณผู้หญิงทาไปนั้น ได้ซึมเข้าสู่ผิว
2. หากคุณผู้หญิงมีผิวมัน หรือผิวผสม ควรลงครีมหรือลงออยล์คอนโทรลที่สามรถคุมความมันบนใบหน้า เช่น จมูก หน้าผาก หรือคาง ซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดความมันบนใบหน้าได้ง่าย จากนั้น ให้ลงไพรเมอร์เพื่อปรับความเนียนเรียบเพื่อช่วยทำให้เครื่องสำอางค์ติดตลอดวันละลาย เลอะ เพราะความมันและเหงื่อบนใบหน้าค่ะ
3. ควรเลือกใช้รองพื้นที่สีสว่างกว่าผิว 1 ระดับ เพื่อเพิ่มความสว่างใสของผิว วิธีลงแตะบาง ๆ ลงบนใบหน้าบริเวณหน้าผาก จมูก และแก้ม ส่วนละ 2 จุด จากนั้นใช้พัพฟ์หรือพู่กันสำหรับเกลี่ยรองพื้น เกลี่ยให้ทั่วใบหน้า
4. ลงคอนซีลเลอร์เพื่อปกปิดจุดด่างดำ รอยสิวต่างๆ บนใบหน้า หรือรอยหมองคล้ำบริเวณใต้ตา โดยใช้นิ้วนาง หรือพู่กันเกลี่ยเบอร์เล็กก็ได้ มีข้อแนะนำนิดนึงค่ะ สำหรับคอนซีลเลอร์ที่ใช้ปกปิดรอยหมองคล้ำรอบดวงตานั้น ควรใช้ คอนซีลเลอร์ที่มีเฉดสีสว่างกว่ารองพื้น 1 ระดับ ซึ่งจะช่วยปกปิดรอยคล้ำได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ
5. ลงไฮไลท์ตามส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าเพื่อทำให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้นน เช่น สันจมูก ข้างจมูก หรือ ร่องแก้ม เป็นต้น
6. ใช้พัฟพ์แป้งฝุ่น แล้วแตะให้ทั่วใบหน้า จากนั้นใช้พู่กันแตะแป้งฝุ่นเล็กน้อย ปัดให้ทั่วใบหน้าอีกครั้ง เพื่อเป็นการเกลี่ยให้แป้งบนใบหน้าอีกครั้ง
เมื่อรู้เคล็ดลับดีๆ ที่เรานำมาฝากกันแล้ว คุณผู้หญิงหลายๆ คนคงไม่ต้องกังวลเรื่องการลงรองพื้นแล้วใช่ไหมละคะ ลองนำวิธีที่วีซ่าแนะนำไปปรับใช้กันดู รับรองว่าคุณผู้หญิงสามารถจะลงรองพื้นได้เนียนสวยมั่นใจได้แน่นอนค่ะ